ว่ากันว่า เยาวชนไทยไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่ก็ไม่เป็นจริงเสมอไป หากผู้ใหญ่กล้าเปิดเวทีให้พวกเขา เราอาจจะได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ดีๆ ที่แตกต่างและน่าชื่นชม อย่างล่าสุด ณ เวที Chang Music Contest2012 โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง ที่เปิดให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงความสามารถทางดนตรีกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะแตกต่าง จนเราได้ค้นพบคนเก่งที่มืออาชีพยังยอมยกนิ้วให้มากมายในเวทีนี้…

          Chang Music Contest2012 เป็นเวทีประกวดที่มีแนวคิดหลักว่า “ชีวิตของเรา...ใช้ซะ” ทุกที่เป็นเวที... มีดีก็โชว์ออกมา โดยให้วงดนตรีคนรุ่นใหม่ ผู้เข้าประกวดจากทั่วประเทศส่งผลงานคัฟเวอร์เพลง “ชีวิตเป็นของเรา” ของวงบอดี้สแลมในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งปรากฏว่า ส่งกันเข้ามาถึงพันกว่าวง จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกเหลือเพียง 20 วง ผ่านเข้ารอบออดิชั่น เพื่อคัดให้เหลือเพียง 5 วงสุดท้าย เข้ามาร่วมถ่ายทอดชีวิตของคนดนตรี และการแสดงในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะมีโจทย์พิเศษในการพิสูจน์ความสามารถของทั้ง 5 วง จะต้องแต่งเพลงภายใต้แนวคิด “ชีวิตของเรา ใช้ซะ” และแสดงต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชม ให้คณะกรรมการตัดสิน เพื่อชิงรางวัลที่มีคุณค่ามากกว่าเงินรางวัล 300,000 บาท ซึ่งเป็นความฝันของเด็กไทยหัวใจรักดนตรีจำนวนไม่น้อย นั่นก็คือ การได้ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตบนเวทีเดียวกับวงดนตรียอดนิยมอย่างบอดี้สแลม ในเทศกาลดนตรีครั้งใหญ่ต้นปีหน้า

            นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงแนวคิดของโครงการนี้ ว่าเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จเมื่อปีก่อน ที่มีวงคาราบาวเป็นต้นแบบ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ และปีนี้เรายังคงเดินหน้าจัดประกวดวงดนตรี ที่รวมความสามารถหลายด้านของคนรุ่นใหม่ ทั้งการแต่งเพลง ทำดนตรี การคัฟเวอร์เพลงของบอดี้สแลมให้เป็นแนวดนตรีของตัวเอง รวมทั้งต้องแสดงให้คณะกรรมการดู ซึ่งแตกต่างจากเวทีอื่น ที่ส่วนใหญ่เน้นจัดประกวดการร้องเพลง ทำให้ยังมีช่องว่างของเวทีการประกวดวงดนตรี เครื่องดื่มตราช้าง จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายความฝันของคนรุ่นใหม่ที่รักการเล่นดนตรี ได้มีเวทีเดินตามความฝันของตัวเอง กล้าที่จะแสดงออกและใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาต้องการ

            การตัดสินของคณะกรรมการลำบากพอสมควร เพราะแต่ละวงก็มีความแตกต่างโดดเด่นเป็นแบบฉบับของตัวเอง แถมฝีมือยังกินกันไม่ลง แต่ในที่สุดก็ได้วงผู้ชนะเลิศ ซึ่งได้แก่วง BOOM BOOM CASH เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาดนตรี ซึ่งมีสมาชิก 4 คนคือ เอ้-ซาวด์และซินธิไซเซอร์, หมิว-นักร้องนำ, แขก-มือเบส และโอเล่ มือกลอง แนวเพลงเป็นแบบดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ เน้นความสนุกสนานและเอ็นเตอร์เทนคนดู ให้ได้เต้นโยกย้ายไปกับเสียงดนตรีเร้าใจ สมาชิกทั้ง 4 ของวงร่วมกันเปิดใจหลังคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองว่า

            “เราไม่เคยประกวดเวทีไหนมาก่อนเลย แต่ว่าก่อนหน้านี้เคยไปร้องตามผับและร้านอาหารบ้าง เลยอยากเอาดนตรีแบบ EDM หรือ Electronic Dance Music ออกมาเล่นสดบ้าง ก็เลยตัดสินใจทำออกมา คิดว่าคงจะแปลกดี และอยากจะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พร้อมใช้เวทีนี้ให้คนทั่วไปได้รู้ว่า วงของเรามีอยู่” เอ้-ซาวด์ & ซินธิไซเซอร์ กล่าว

          ส่วนหมิว นักร้องนำ กล่าวว่า “เราซ้อมเพื่อเตรียมตัวแข่งอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง เพราะเรารู้ว่าวงเราแปลกประหลาดกว่าเพื่อน จึงต้องทำให้ดีที่สุด ช่วงที่ขึ้นเวทีรู้สึกกดดันตั้งแต่วงแรกเล่นเสร็จแล้ว คือถอดใจ แต่สุดท้ายพวกเราก็สู้โดยใช้ความเป็นตัวเอง เน้นเต้น เน้นสนุกสนาน แสดงออกทางสีหน้าและดนตรี”

          ทางด้านแขก มือเบส ก็กล่าวว่า “เมื่อกรรมการประกาศว่าจะให้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ปีหน้า ก็รู้สึกดีใจและตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้โอกาสดีๆ อย่างนี้จากป๋าเต็ด (ยุทธนา บุญอ้อม) เราประกวดเป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่า จะมาถึงจุดนี้ได้ แต่การมาแข่งขันครั้งนี้ เราได้อะไรเยอะมาก ทำให้มีคนรู้จักเรามากขึ้น โดยเฉพาะในรอบเวิร์คช็อปมีเทรนเนอร์มืออาชีพมาให้คำแนะนำหลายท่าน ต้องขอขอบคุณพี่กบ-พี่อ๊อฟ บิ๊กแอส และพี่มัม ลาโคนิค พวกเราได้ประสบการณ์ ได้ทักษะมากมาย ได้รู้จักเพื่อนใหม่ เพื่อนทุกวงต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกัน เพราะกำลังใจสำคัญมาก  และที่แน่ๆ ปีหน้าเราจะได้ขึ้นแสดงเวทีเดียวกันกับบอดี้สแลม ดีใจจนพูดไม่ถูก”

          และโอเล่ มือกลอง ได้กล่าวฝากถึงน้องๆ ในรุ่นต่อไปว่า “อยากฝากถึงรุ่นต่อๆ ไปว่า เวทีChang Music Contestนี้เปิดกว้างมากในการเฟ้นหาวงดนตรี และก็ไม่ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์ที่วางไว้มากก็ได้ ขอให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แต่ก็อย่าผิดกฎ แล้วก็ให้มีกำลังใจเข้าไว้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

            ทั้งนี้ วงดนตรีที่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 คือวง SO-ME-DAY ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 ชีวิตคือ บี-ร้องนำ, ริฟ-กีตาร์, เบียร์-มือเบส, อ่ำ-ซินธิไซเซอร์และเคี้ยง-มือกลอง แนวเพลงเป็นดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อค ผสมป็อป ร็อคแอนด์โรลล์ และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือวง PAIBLUES นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล สาขาดุริยางค์ศิลป์ ซึ่งมีสมาชิก 5 คนคือ เปอร์-นักร้องนำ, กอ-มือเบส, บูม-คีย์บอร์ด, ต้น-กีตาร์ และไอซ์-มือกลองแนวดนตรีเป็นสไตล์วินเทจ ผสมอาร์ แอนด์ บี และบลูส์

            ทีนี้ลองมาฟังเสียงคณะกรรมการผู้ตัดสินซึ่งเป็นคนดนตรีกันบ้าง เริ่มตั้งแต่ โปโปษยะนุกูล ที่ให้ความเห็นว่า “ประทับใจมาก ทุกวงมีแนวทางแตกต่าง ไม่เหมือนกันเลย แล้วก็แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่วางไว้ว่า “ชีวิตของเรา...ใช้ซะ” ชัดเจน นั่นคือ คุณอยากทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองก็ทำเลย รู้สึกว่าวงการพัฒนาไปมาก ทัศนคติของเด็กรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนไปมาก ไม่มีใครต้องการเหมือนวงที่เคยมีอยู่แล้ว นับว่าเด็กรุ่นใหม่กล้ากว่าคนรุ่นก่อนมาก”

ส่วน “ป๋าเต็ด”-ยุทธนา บุญอ้อม ก็กล่าวด้วยว่า “จุดที่น่าสนใจคือ ทั้ง 5 วงไม่เหมือนกันเลย แต่ละคนมีแนวทางของตัวเอง ทำให้การตัดสินค่อนข้างยาก แต่วงที่เราเลือกให้ชนะเลิศ มีความพร้อมสูงมาก พร้อมจะเป็นมืออาชีพได้เลย ก็อยากฝากไว้ว่า ทุกคนจงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องพยายามไปเหมือนใคร สิ่งที่เราอาจถูกนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่สังคมยอมรับ ก็ไม่ได้แปลว่าเราผิด ไม่ได้แปลว่าใครดีกว่าใคร ขอเพียงให้มั่นใจ รักในสิ่งที่ทำเท่านั้น ไม่ว่าจะแตกต่างกับใคร อย่างไรก็ตาม”

เมธี จินดาน้อย จากวงโมเดิร์นดอกซ์ หนึ่งในคณะกรรมการก็ให้ความเห็นเช่นกันว่า “รู้สึกกดดันนิดหน่อย แต่ก็สนุกที่ได้เห็นเด็กรุ่นใหม่ทำอะไรที่มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องขอบคุณคนจัด ที่มีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ แสดงฝีมือ”

ด้าน ตูน-บอดี้สแลม ที่เป็นต้นแบบให้น้องๆ ได้ประกวดครั้งนี้ก็กล่าวเช่นกันว่า“ขอฝากถึงวงที่ไม่ชนะ และคลิปที่ส่งเข้ามาประกวดถึงพันกว่าคลิปว่า การประกวดย่อมมีแพ้ชนะ แต่ทุกคนก็ได้ประสบการณ์ ได้เพื่อน ได้แสดงความสามารถ ผมคิดว่ามีแต่ได้ทั้งนั้น วงดนตรีที่ชนะ ก็เพราะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากต้นแบบ แต่อีกหลายวงก็มีข้อแตกต่างและดีเช่นกัน จึงขอฝากถึงน้องๆ ที่เข้าประกวดทุกวงว่า อย่าเลิก ขอให้มีความสุขกับการเล่นดนตรีต่อไป” 

นี่คือ...บทพิสูจน์อีกหนึ่งบทว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่มีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก ขอเพียงผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เท่านั้น....